Metaverse vs. Multiverse | อันไหนจะมาท็อป?

ในโพสต์นี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่า Metaverse คืออะไร ลิขสิทธิ์ ความแตกต่างคืออะไร อันไหนจะมาท็อป?

คุณมักจะสับสนกับคำว่า Metaverse และ Multiverse หรือไม่? ไม่ต้องกังวล คำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างทั้งสองเช่น Metaverse vs Multiverse จะช่วยคุณได้

โลกรอบตัวเรากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในขณะที่เราเห็นการแทรกแซงทางเทคโนโลยีใหม่ๆ ทุกวัน ทศวรรษที่ผ่านมา การสื่อสารเป็นเรื่องยาก และผู้คนต้องการโทรศัพท์ขนาดใหญ่เพื่อโทรหาคนใกล้และที่รัก ด้วยการมาถึงของอินเทอร์เน็ต โลกได้เข้าถึงบริการต่างๆ มากมาย รวมถึงอีเมลและโซเชียลมีเดีย ซึ่งทำให้การสื่อสารง่ายขึ้น 

หากคุณคิดว่าผลกระทบของเทคโนโลยีจะจำกัดเพียงการเปลี่ยนวิธีที่เราสื่อสารกันและเข้าถึงข้อมูล คุณต้องพิจารณาแนวคิดของ metaverse และ multiverse คุณนึกภาพออกไหมว่าการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นโลกเสมือนจริงรอบตัวคุณมากกว่าที่จะเป็นแค่ชุดของหน้าเว็บบนหน้าจอของคุณ? แนวความคิดของ metaverse ได้ให้คำมั่นสัญญาเช่นเดียวกัน และในขณะเดียวกัน แนวความคิดของลิขสิทธิ์ก็กลายเป็นจุดเด่นที่น่าสังเกตเช่นกัน

ให้เราหาภาพรวมที่ชัดเจนของการอภิปราย Metaverse vs Multiverse ด้วยความพยายามที่จะค้นหาว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่ การสนทนาต่อไปนี้นำเสนอภาพรวมโดยละเอียดของคำจำกัดความของ metaverse และ multiverse นอกจากนี้ คุณสามารถสะท้อนความแตกต่างระหว่างแนวคิดเหล่านี้โดยพิจารณาจากปัจจัยเฉพาะ

คำจำกัดความของ Metaverse และ Multiverse

การค้นหาคำตอบสำหรับความแตกต่างระหว่าง metaverse และ multiverse ได้รับโมเมนตัมในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำไม? คำตอบจะนำคุณไปสู่ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ metaverse นอกจากนี้ ภาพยนตร์ในหนังสือการ์ตูนในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นการตีความลิขสิทธิ์ที่แตกต่างกันออกไป หากคุณต้องการเข้าใจความแตกต่างระหว่างแนวคิดทั้งสองนี้ คุณควรเรียนรู้คำจำกัดความของแนวคิดอย่างครอบคลุม 

Metaverse คืออะไร?

แนวคิดเรื่อง metaverse ได้รับความนิยมอย่างมากในโลกปัจจุบันในฐานะ Facebook ยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียชั้นนำได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Meta” Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ยกย่องการย้ายครั้งนี้ว่าเป็นความคิดริเริ่มของบริษัทของเขาในการขยายสภาพแวดล้อมดิจิทัลใหม่อย่างสมบูรณ์ใน metaverse ความคิดริเริ่มโดย Facebook ทำงานเป็นการเรียกร้องให้องค์กรอื่น ๆ ทดลองใช้ metaverse 

พูดง่ายๆ ก็คือ คุณสามารถนึกถึง metaverse โดยพื้นฐานแล้วคือความเป็นจริงดิจิทัลแบบแรกในประเภทเดียวกัน จากมุมมองทางเทคนิค metaverse คือชุดของพื้นที่เสมือนที่ผู้ใช้สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่และโต้ตอบกับผู้อื่นในพื้นที่ได้ metaverse สามารถแปลเป็นโลกเสมือนจริงที่คุณสามารถออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ ได้เช่นเดียวกับการเล่น ร้านค้า เรียนรู้และทำงาน ด้วยเหตุนี้ แนวคิดของ metaverse จึงเป็นอะไรที่มากกว่าการใช้เวลาออนไลน์ 

การอภิปรายเกี่ยวกับการอภิปราย multiverse vs metaverse จะทำให้ metaverse เป็นสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ใช้ร่วมกันและต่อเนื่อง ผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ที่สมจริงใน metaverse ที่พวกเขาสามารถไปคอนเสิร์ต ไปเที่ยวกับเพื่อน เล่นกีฬา หรือชมภาพยนตร์ ความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของ metaverse และ multiverse ยังพบความชัดเจนกับการเข้ามาของบริษัทชั้นนำใน metaverse บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Microsoft, Epic Games และ Meta กำลังร่วมมือกันพัฒนา metaverse แม้ว่า metaverse จะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา เราจะต้องรออีกสิบปีก่อนที่ metaverse จะมีรูปร่างขึ้น 

จุดเด่นที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเทคโนโลยี metaverse คือการผสมผสานด้านต่างๆ ของเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมสมัยใหม่เข้าด้วยกัน Metaverse จะรวบรวมการผสมผสานระหว่างโซเชียลมีเดีย, VR, AR, เกมออนไลน์ และสกุลเงินดิจิตอลเข้าด้วยกันเพื่อสร้างระบบนิเวศ องค์ประกอบทั้งหมดของระบบนิเวศ metaverse จะสนับสนุนผู้ใช้ในการโต้ตอบซึ่งกันและกันและ metaverse 

ลิขสิทธิ์คืออะไร?

รายการที่สำคัญต่อไปในการเปรียบเทียบ metaverse กับ multiverse จะอ้างถึงคำจำกัดความของ multiverse คุณสามารถคิดว่าลิขสิทธิ์เป็นชุดสมมุติของจักรวาลต่างๆ โดยพื้นฐานแล้ว ลิขสิทธิ์ทำหน้าที่เป็นระบบนิเวศที่มีโลกเสมือนจริงที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละโลกมีกฎหมาย ลักษณะเฉพาะ และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน 

หากมองให้ดีๆ เรากำลังอยู่ในยุคของเทคโนโลยีที่หลากหลาย ตัวอย่างที่ดีที่สุดของลิขสิทธิ์ปรากฏอยู่ในโลกเสมือนจริงต่างๆ ในเกมออนไลน์ โลกเสมือนจริงทั้งหมดค่อยๆ กลายเป็นศูนย์กลางหลักสำหรับความบันเทิงและการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ดังนั้นจึงค่อนข้างง่ายที่จะสังเกตว่าเกมออนไลน์ เกมเล่นตามบทบาทออนไลน์ที่มีผู้เล่นหลายคนจำนวนมาก หรือ MMORPG และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งของลิขสิทธิ์แล้ว

แม้ว่าแนวความคิดเรื่องลิขสิทธิ์จะดูน่าสนใจและเป็นไปได้ แต่ก็ยังเป็นกลุ่มสมมุติฐาน คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์สำหรับพื้นฐานของลิขสิทธิ์นั้นชัดเจนในทฤษฎีสตริงซึ่งอธิบายหน่วยของสสารที่เล็กที่สุด ทฤษฎีสตริงบอกเป็นนัยว่าในระดับพื้นฐานที่สุด อนุภาคทั้งหมดโดยพื้นฐานแล้วเป็นคอลเล็กชันของสตริงที่เล็กกว่า ทฤษฎีนี้ยังระบุด้วยว่ามีหลายจักรวาลที่มีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันออกไป และแต่ละจักรวาลก็มีความแตกต่างกัน ที่น่าสนใจคือ ทฤษฎีสตริงไม่สามารถอธิบายจักรวาลของเราได้หากไม่ได้ทึกทักเอาเองว่าจักรวาลอื่นยังมีอยู่ในปัจจุบัน 

การอภิปรายเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง metaverse และ multiverse ยังชี้ไปที่วิธีที่ multiverse กำลังก่อตัว คุณมีโลกเสมือนจริงของเกมผู้เล่นหลายคนทั่วโลกในฐานะตัวขับเคลื่อนเบื้องต้นสำหรับการย้ายเข้าสู่ลิขสิทธิ์จริง ในระยะยาว โลกเสมือนจริงที่มีพื้นฐานมาจาก multiverse จะทำงานเหมือนกับประเทศใหม่ในสังคม ประเทศต่างๆ จะอยู่ในโลกไซเบอร์มากกว่าจะอยู่ในสถานที่ทางกายภาพ แม้ว่าจะมีระบบเศรษฐกิจและการเมืองที่ซับซ้อนซึ่งมีปฏิสัมพันธ์กับโลกทางกายภาพ 

อะไรคือความแตกต่าง?

ด้วยความประทับใจที่ชัดเจนว่า metaverse และ multiverse คืออะไร คุณสามารถลองไตร่ตรองความแตกต่างระหว่างพวกเขา metaverse เป็นเพียงแนวคิดเชิงแนวคิดซึ่งบ่งบอกว่าเราอาจมีโลกเสมือนจริงที่เชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ในอนาคต ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนระหว่างช่องว่างต่างๆ ใน ​​metaverse ได้อย่างราบรื่นตามความต้องการ ในทางกลับกัน ลิขสิทธิ์นำเสนอระบบนิเวศของโลกเสมือนที่ไม่เชื่อมต่อกัน 

ระบบนิเวศดิจิทัลที่แตกต่างกันในลิขสิทธิ์ไม่ได้ให้ความยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้ในการเคลื่อนย้ายระหว่างโลกเสมือนจริงอย่างราบรื่น ด้วยเหตุนี้ ลิขสิทธิ์จึงไม่สามารถรับประกันประสบการณ์ผู้ใช้ที่เป็นหนึ่งเดียวได้ ในทางกลับกัน ลิขสิทธิ์ให้โลกเสมือนจริงที่แตกต่างกัน เช่น สภาพแวดล้อมการเล่นเกม เช่น Fortnite สภาพแวดล้อมทางสังคม เช่น Horizon by Meta และสภาพแวดล้อมการทำงานเสมือน อย่างไรก็ตาม โลกทั้งใบมีความแตกต่างกันในลิขสิทธิ์และไม่เชื่อมโยงถึงกัน

ให้เราดูที่การเปรียบเทียบลิขสิทธิ์กับ metaverse กับความแตกต่างในแง่ของปัจจัยสำคัญต่างๆ ความแตกต่างพื้นฐานระหว่างลิขสิทธิ์และ metaverse ยังช่วยให้คุณเข้าใจแนวคิดทั้งสองอย่างครอบคลุม 

จำนวนระบบนิเวศ

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยประการหนึ่งเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง metaverse และ multiverse คือ ทั้งสองมีระบบนิเวศที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม คุณต้องย้อนกลับไปและทบทวนแนวคิดทั้งสองอย่างละเอียดเพื่อทราบความแตกต่าง ในกรณีของลิขสิทธิ์ คุณจะพบระบบนิเวศที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งไม่เชื่อมโยงถึงกัน 

ในทางตรงกันข้าม metaverse มีพื้นที่ดิจิทัลที่คุณสามารถสลับไปมาระหว่างประสบการณ์ เกม และกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถเข้าสู่ metaverse ได้อย่างง่ายดายผ่านพีซีหรืออุปกรณ์ความเป็นจริงเสริม เช่น Google Glass และเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียว 

ดังนั้น เราสามารถสังเกตได้ชัดเจนว่าการเปรียบเทียบลิขสิทธิ์กับ metaverse แสดงให้เห็นว่าระบบลิขสิทธิ์รวมหลายระบบนิเวศแยกกัน เมื่อเปรียบเทียบกับการรวบรวมโลกเสมือนจริงหรือจักรวาลหลายๆ แห่งเข้าด้วยกัน metaverse เสนอระบบนิเวศเดียว คุณสามารถสร้างเนื้อหา เล่นเกม หรือชมภาพยนตร์กับเพื่อนของคุณใน metaverse และถ่ายทอดประสบการณ์ของคุณข้ามแพลตฟอร์มต่างๆ ภายในจักรวาลเดียวกัน

การเชื่อมต่อ 

จุดสำคัญต่อไปของความแตกต่างระหว่าง metaverse และ multiverse จะหมายถึงการเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบ ตามความเป็นจริง การเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบของลิขสิทธิ์และ metaverse แสดงให้เห็นถึงขอบเขตของลำดับและการสุ่มในทั้งสองอย่าง 

ในกรณีของลิขสิทธิ์ คุณแทบจะไม่สามารถค้นหาลำดับเฉพาะใดๆ เนื่องจากจักรวาลต่างๆ ยังคงแยกจากกัน โลกเสมือนจริงในลิขสิทธิ์มีลักษณะที่แตกต่างกันและไม่เคยเชื่อมต่อถึงกัน ดังนั้น คุณจึงมีแนวโน้มที่จะพบกับการสุ่มระดับสูงในลิขสิทธิ์ 

ในอีกทางหนึ่ง metaverse ให้แรงกระตุ้นที่น่าเกรงขามสำหรับการสั่งซื้อด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกของจักรวาลเดียว คุณสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างของ metaverse กับ multiverse ได้อย่างชัดเจนในการเชื่อมต่อระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ใน ​​metaverse metaverse ทั้งหมดเชื่อมต่อในลักษณะบางอย่างและอาศัยลำดับเฉพาะสำหรับการไหลของข้อมูลผ่านเครือข่าย

คุณสมบัติ

การมองอย่างใกล้ชิดถึงความแตกต่างที่เป็นไปได้ในการเปรียบเทียบลิขสิทธิ์กับ metaverse จะดึงความเป็นเจ้าของมาสู่สมการได้อย่างชัดเจน ลิขสิทธิ์รวมถึงโลกเสมือนจริงหลายแห่งซึ่งแตกต่างกัน โลกเหล่านี้มักพบได้ในเกมออนไลน์ที่เป็นเจ้าของโดยหน่วยงานเดียว 

ดังนั้น ข้อมูล ทรัพย์สิน และประสบการณ์ของคุณจึงตกเป็นของบริษัทผู้พัฒนาเกม แม้ว่าคุณสามารถสร้างหรือจัดหาทรัพย์สินใหม่ในโลกต่าง ๆ ในโลกลิขสิทธิ์ คุณไม่สามารถดึงมูลค่าที่ต้องการจากสิ่งเหล่านั้นได้ ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถใช้ของสะสมในเกมที่ทำได้ในเกมหนึ่งเพื่อซื้ออุปกรณ์ในเกมอื่น 

metaverse นำเสนอมุมมองที่ดีในด้านนี้ของการเปรียบเทียบระหว่าง metaverse และ multiverse ด้วย metaverse ผู้ใช้จะได้รับความเป็นเจ้าของและการควบคุมทรัพย์สินของตนอย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น อวตารของ NFT จะเชื่อมโยงตัวตนเสมือนของผู้เข้าร่วม metaverse กับตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมจะได้รับความเป็นเจ้าของ NFT หรือทรัพย์สินที่พวกเขาสร้างใน metaverse อย่างสมบูรณ์ ผู้เข้าร่วม Metaverse ยังสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ของพวกเขาบนแพลตฟอร์มอื่นๆ ใน metaverse ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ 

หน่วยงาน

องค์ประกอบใน metaverse และ multiverse ยังทำหน้าที่เป็นไฮไลท์ที่โดดเด่นอีกประการสำหรับความแตกต่างระหว่างพวกเขา เมื่อคุณนึกถึงลิขสิทธิ์ ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่คุณจะพบว่าแต่ละองค์ประกอบสร้างจักรวาล ลิขสิทธิ์เป็นคอลเล็กชั่นโลกเสมือนจริงจำนวนมาก ซึ่งมีลักษณะ คุณลักษณะ และองค์ประกอบที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงค่อนข้างยากที่จะวาดความประทับใจให้ชัดเจนว่าองค์ประกอบใดทำให้ลิขสิทธิ์แข็งแกร่งขึ้น คุณมีโลกเสมือนที่แตกต่างกันเป็นองค์ประกอบของลิขสิทธิ์ 

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นอีกคนหนึ่งในการอภิปราย multiverse vs metaverse กล่าวคือ metaverse นำเสนอหน่วยงานต่างๆ ที่มีความสามารถเฉพาะตัว สิ่งที่น่าสนใจคือ เอนทิตีหรือส่วนประกอบใน metaverse มีลักษณะของมนุษย์ หุ่นยนต์ AI และอื่นๆ อีกมากมาย เอนทิตีทั้งหมดเหล่านี้มีบทบาทที่แตกต่างกันใน metaverse ทำให้ประสบการณ์น่าสนใจยิ่งขึ้น 

1. metaverse กำลังถูกสร้างขึ้นในขณะที่ลิขสิทธิ์เป็นทฤษฎีหรือมีอยู่แล้ว

metaverse เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีหรือสภาพแวดล้อม ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอน WIP มีเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้อยู่แล้ว

ลิขสิทธิ์ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอยู่จริง มันไม่ได้ผ่านกระบวนการสร้างใดๆ และนักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อพิสูจน์การมีอยู่ของมันเท่านั้น

2. metaverse บังคับได้ในขณะที่ multiverse อาจมีองค์ประกอบ 2D

metaverse รวม AR, VR และ MR เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดื่มด่ำอย่างมาก เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น การแสดงภาพโลกแห่งความเป็นจริงจะยิ่งแม่นยำยิ่งขึ้น และผู้ใช้จะย้ายเข้าและออกจาก metaverse ได้ง่ายขึ้น

ในทางกลับกัน ลิขสิทธิ์อาจมีจักรวาลที่ไม่เหมือนกับจักรวาลของเรา ในทางทฤษฎี อาจมีจักรวาลที่มีกฎฟิสิกส์ต่างกัน ดังนั้น วัตถุและสิ่งมีชีวิตสองมิติ

3. metaverse เป็นสากลในขณะที่ multiverse ไม่ใช่

นี่คือความแตกต่างที่สำคัญ ดังที่กล่าวไว้ metaverse ที่แท้จริงจะถูกหลอมรวมและเป็นสากล โดยนำโลกที่ดื่มด่ำทั้งหมดที่สร้างขึ้นโดยบริษัทต่างๆ มารวมกัน

ตรงกันข้ามลิขสิทธิ์มีหลายหลากโดยธรรมชาติ ซึ่งหมายความว่าจะมีมากกว่าหนึ่งโลกเสมอ ซึ่งอาจจะมีหรือไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

4. metaverse สามารถทำงานร่วมกันได้ในขณะที่ multiverse มีการบูรณาการที่ จำกัด

Metaverse สามารถทำงานร่วมกันได้ตามคำจำกัดความ ทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายเข้าและออกจากพื้นที่ เคลื่อนย้ายวัตถุไปรอบๆ ใช้ข้อมูลประจำตัวเดียวกัน ย้าย NFT ของตน และอื่นๆ

ระดับของการทำงานร่วมกันในลิขสิทธิ์ยังไม่ได้รับการพิสูจน์และจะขึ้นอยู่กับระดับของความแปรปรวนตามที่กล่าวไว้

แต่เนื่องจากเรายังไม่ได้ค้นพบการมีอยู่ของลิขสิทธิ์ในตอนนี้ จึงอาจกล่าวได้อย่างปลอดภัยว่าการบูรณาการและการทำงานร่วมกันนั้นมีแนวโน้มที่จะถูกจำกัด

อันไหนจะมาท็อป?

ความแตกต่างระหว่าง metaverse และ multiverse ค่อนข้างชัดเจนจากไฮไลท์ของการเปรียบเทียบระหว่างพวกเขา หากคุณมองใกล้ ๆ metaverse เป็นแนวความคิดที่ปูทางไปสู่อนาคตที่เราสามารถมีโลกเสมือนจริงที่เชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ ในทางกลับกัน ลิขสิทธิ์นำเสนอโอกาสในการดำรงอยู่ของระบบนิเวศดิจิทัลที่หลากหลาย 

อย่างไรก็ตาม metaverse มาอยู่ด้านบนของ multiverse ในการเปรียบเทียบ metaverse vs multiverse สำหรับประสบการณ์ผู้ใช้แบบครบวงจรที่นำเสนอ ลิขสิทธิ์จะล้มเหลวเมื่อ metaverse ขยายออกไปอีกหรือไม่? คำตอบของคำถามชี้ไปที่ความจริงที่ว่า metaverse ยังคงพัฒนาอยู่ ตรงกันข้าม ลิขสิทธิ์มีโลกเสมือนจริงที่ใช้งานได้หลายอย่างแล้ว ซึ่งจัดการกับงานในโลกแห่งความเป็นจริง 

ตัวอย่างเช่น ลิขสิทธิ์เสนอสภาพแวดล้อมการทำงานเสมือนจริง สภาพแวดล้อมทางสังคม และสภาพแวดล้อมการเล่นเกม ดังนั้น อาจเร็วเกินไปที่จะสรุปเกี่ยวกับทางเลือกที่ดีกว่าระหว่างลิขสิทธิ์และ metaverse เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ metaverse และวิธีที่มันสร้างความเป็นจริงดิจิทัลใหม่ทั้งหมด 

ขอบคุณสำหรับการอ่าน!

What is GEEK

Buddha Community

How native is React Native? | React Native vs Native App Development

If you are undertaking a mobile app development for your start-up or enterprise, you are likely wondering whether to use React Native. As a popular development framework, React Native helps you to develop near-native mobile apps. However, you are probably also wondering how close you can get to a native app by using React Native. How native is React Native?

In the article, we discuss the similarities between native mobile development and development using React Native. We also touch upon where they differ and how to bridge the gaps. Read on.

A brief introduction to React Native

Let’s briefly set the context first. We will briefly touch upon what React Native is and how it differs from earlier hybrid frameworks.

React Native is a popular JavaScript framework that Facebook has created. You can use this open-source framework to code natively rendering Android and iOS mobile apps. You can use it to develop web apps too.

Facebook has developed React Native based on React, its JavaScript library. The first release of React Native came in March 2015. At the time of writing this article, the latest stable release of React Native is 0.62.0, and it was released in March 2020.

Although relatively new, React Native has acquired a high degree of popularity. The “Stack Overflow Developer Survey 2019” report identifies it as the 8th most loved framework. Facebook, Walmart, and Bloomberg are some of the top companies that use React Native.

The popularity of React Native comes from its advantages. Some of its advantages are as follows:

• Performance: It delivers optimal performance.
• Cross-platform development: You can develop both Android and iOS apps with it. The reuse of code expedites development and reduces costs.
• UI design: React Native enables you to design simple and responsive UI for your mobile app.
• 3rd party plugins: This framework supports 3rd party plugins.
• Developer community: A vibrant community of developers support React Native.

Why React Native is fundamentally different from earlier hybrid frameworks

Are you wondering whether React Native is just another of those hybrid frameworks like Ionic or Cordova? It’s not! React Native is fundamentally different from these earlier hybrid frameworks.

React Native is very close to native. Consider the following aspects as described on the React Native website:

• Access to many native platforms features: The primitives of React Native render to native platform UI. This means that your React Native app will use many native platform APIs as native apps would do.
• Near-native user experience: React Native provides several native components, and these are platform agnostic.
• The ease of accessing native APIs: React Native uses a declarative UI paradigm. This enables React Native to interact easily with native platform APIs since React Native wraps existing native code.

Due to these factors, React Native offers many more advantages compared to those earlier hybrid frameworks. We now review them.

#android app #frontend #ios app #mobile app development #benefits of react native #is react native good for mobile app development #native vs #pros and cons of react native #react mobile development #react native development #react native experience #react native framework #react native ios vs android #react native pros and cons #react native vs android #react native vs native #react native vs native performance #react vs native #why react native #why use react native

Metaverse vs. Multiverse | Which One Will Come Top?

In this post, you'll learn What is Metaverse, Multiverse, What’s the Difference? Which One Will Come Top?

Do you often get confused with the terms Metaverse and Multiverse? Don’t worry, this detailed guide on the differences between the two i.e. Metaverse vs Multiverse will help you through.

The world around us is changing at a rapid pace as we witness new and innovative technological interventions every day. Decades ago, communication was difficult, and people needed bulky telephone sets to call their near and dear ones. With the arrival of the internet, the world accessed many services, including email and social media, which simplified communication. 

If you thought that the impact of technology would be limited only to transforming the way we communicate with each other and access information, you need to take a look at the concepts of metaverse and multiverse. Can you imagine accessing the internet as a virtual world around you rather than just a collection of pages on your screens? The concept of the metaverse has promised the same, and at the same time, the concept of the multiverse has also become a notable highlight.

Let us find out a clear overview of the Metaverse vs Multiverse debate with an attempt to find out whether they are different from each other. The following discussion presents a detailed overview of the definitions of metaverse and multiverse. In addition, you can reflect on the differences between these concepts on the basis of specific factors.

Definitions of Metaverse and Multiverse

The search for answers to difference between metaverse and multiverse has been garnering momentum in recent times. Why? The answer would point you towards the continuously growing popularity of the metaverse. In addition, comic book movies in recent times have shown different interpretations of the multiverse. If you need to understand the differences between these two concepts, then you should learn their definitions comprehensively. 

What is the Metaverse?

The notion of a metaverse gained a strong footing in today’s world as the leading social media giant, Facebook, changed its name to “Meta.” Facebook CEO Mark Zuckerberg has hailed the move as his company’s initiative for growing a completely new digital environment in the metaverse. The initiative by Facebook worked as a clarion call for many other enterprises to experiment with the metaverse. 

In simple words, you can think of the metaverse as basically the first-of-its-kind digital reality. From a technical perspective, metaverse is actually a collection of virtual spaces where users can create new experiences and interact with other people in the space. The metaverse can translate into a virtual world where you can hang out with your friends as well as play, shop, learn and work. As a result, the concept of the metaverse would be something more than just spending your time online. 

Discussions on multiverse vs metaverse debates would also paint the metaverse as a shared and persistent digital environment. Users could achieve immersive experiences in the metaverse where they could go to concerts, hang out with friends, play sports, or watch movies. The wide range of opinions on the feasibility of metaverse and multiverse also find clarity with the entry of top companies in the metaverse. Big technology firms such as Microsoft, Epic Games, and Meta are joining forces for developing the metaverse. Even if the metaverse is in the initial stages of development, we will have to wait for another decade before the metaverse shapes up. 

The best highlight about the metaverse technology is the combination of different aspects of modern innovative technology. Metaverse would bring together a productive blend of social media, VR, AR, online gaming, and cryptocurrencies for creating its ecosystem. All the elements of the metaverse ecosystem would support users in virtually interacting with each other and the metaverse. 

What is the Multiverse?

The next important entry in the metaverse vs multiverse comparison would refer to the definition of multiverse. You can think of the multiverse as a hypothetical collection of different universes. Basically, the multiverse serves as an ecosystem with different virtual worlds, where each world has distinct laws, traits, and properties. 

If you look closely, we are actually living in the multiverse era of technology. The best example of the multiverse is evident in the different virtual worlds in online games. All the virtual worlds are gradually turning into primary hubs for entertainment and social interaction. So, it is quite easy to note that online games, massively multiplayer online role-playing games or MMORPGs, and social media platforms are already a part of the multiverse.

While the concept of a multiverse seems quite appealing and achievable, it is still a hypothetical group. The scientific explanations for the basis of the multiverse are evident in string theory which explains the smallest unit of matter. String theory implies that on the most fundamental level, all particles are basically collections of smaller strings. The theory also states that there are multiple universes with their distinct collection of rules and each universe being different from the other. Interestingly, the string theory could not explain our universe without assuming that other universes also exist today. 

The discussions on difference between metaverse and multiverse also point towards the way multiverse is shaping up. You have virtual worlds of different multiplayer games worldwide as the initial drivers for moving into the actual multiverse. In the long run, multiverse-based virtual worlds would work just like new countries in society. The countries would exist in the cyber world rather than in physical locations, albeit with complicated economic and political systems interacting with the physical world. 

What’s the Difference?

With a clear impression of what metaverse and multiverse are, you can try reflecting on the differences between them. The metaverse is just a conceptual idea which implies that we could have a completely connected virtual world in future. Users could seamlessly transition between different spaces in the metaverse according to their requirements. On the other hand, the multiverse presents a more disconnected ecosystem of virtual worlds. 

The different digital ecosystems in the multiverse do not offer the flexibility for users to move seamlessly between virtual worlds. As a result, multiverse could not offer the assurance of a unified user experience. On the contrary, the multiverse gives different virtual worlds such as gaming environments like Fortnite, social environments such as Horizon by Meta, and virtual work environments. However, all the worlds are different from each other in the multiverse and do not connect with each other.

Let us take a look at the multiverse vs metaverse comparison with their differences in terms of various critical factors. The basic differences between the multiverse and metaverse could also help you understand both concepts comprehensively. 

Number of Ecosystems

One of the common misconceptions regarding the difference between metaverse and multiverse is that both of them include multiple ecosystems. However, you need to take a step back and review both concepts carefully to know the difference. In the case of the multiverse, you can find infinite ecosystems, which are not connected with each other. 

On the contrary, the metaverse offers a digital space where you can switch between different experiences, games, and events effectively. You can enter the metaverse easily through your PC or augmented reality devices such as Google Glass and enjoy unified experiences. 

So, one could clearly notice that the multiverse vs metaverse comparison shows that the multiverse includes multiple ecosystems distributed separately. In comparison to the hypothetical collection of multiple virtual worlds or universes, the metaverse offers a single ecosystem. You can create assets, play games, or watch movies with your friends in the metaverse and transfer your experiences across different platforms within the same universe.

Connection 

The next important point of difference between metaverse and multiverse would refer to the connection among their components. As a matter of fact, connection between the components of the multiverse and metaverse showcases the extent of order and randomness in both. 

In the case of multiverse, you could barely find any specific order as the different universes remain separate from each other. The virtual worlds in a multiverse have different traits and never connect with each other. So, you are likely to encounter high levels of randomness in the multiverse. 

On the other hand, the metaverse gives a formidable boost for order with the facility of a single universe. You could clearly notice the metaverse vs multiverse difference in the connection between different components in the metaverse. The whole metaverse is connected in some manner and relies on a specific order for information flow through the network.

Property

A closer look at the possible differences in a multiverse vs metaverse comparison would obviously draw ownership into the equation. The multiverse includes multiple virtual worlds which are different from each other. These worlds are generally found in online games which are owned by single entities. 

Therefore, your data, assets, and experiences are in the ownership of the game developing company. While you can create or procure new assets in different worlds in the multiverse, you cannot extract desired value from them. For example, you could not use the in-game collectibles achieved in one game for buying supplies in another game. 

The metaverse presents a favorable perspective in this aspect of the comparisons between metaverse and multiverse. With the metaverse, users get complete ownership and control over their assets. For example, NFT avatars associate the virtual identity of metaverse participants with their real identity. In addition, participants get complete ownership of the NFTs or assets they create in the metaverse. Metaverse participants could also trade their assets on other platforms in the metaverse without any troubles. 

Entities

The elements in the metaverse and multiverse also serve as another striking highlight for the differences between them. When you think of the multiverse, it is highly unlikely that you would find individual components building the universe. The multiverse is a vast collection of virtual worlds, which are different from each other in their traits, features, and individual elements. So, it is quite difficult to draw a clear impression of which components actually strengthen the multiverse. You only have different virtual worlds as the elements of the multiverse. 

However, the other player in the multiverse vs metaverse debate, i.e., metaverse, showcases different entities with unique abilities. Interestingly, the entities or components in the metaverse feature human beings, robots, AI, and many others. All of these entities have distinct roles in the metaverse, making the experience more interesting. 

1. The metaverse is being built, while the multiverse is either theoretical or already exists

The metaverse is a technology platform or environment, currently in a WIP stage. There are versions of it already available to users.

The multiverse either does or doesn’t exist – it isn’t going through any sort of creation process, and scientists are only working to prove its existence.

2. The metaverse is mandatorily immersive, while the multiverse may have 2D components

The metaverse combines AR, VR, and MR to provide a highly immersive experience. As technologies evolve, its depiction of the real world will get even more accurate and it will become easier for users to move in and out of the metaverse.

The multiverse, on the other hand, may contain universes that do not resemble our own. In theory, there could be a universe with different laws of physics, and therefore, two-dimensional objects and beings.

3. The metaverse is universal, while the multiverse is not

This is an important difference. As mentioned, the true metaverse will be converged and universal, bringing together all the immersive worlds built by different companies.

The multiverse, in contrast, has inherent multiplicity. This means that there will always be more than one world, which may or may not be interoperable.

4. The metaverse is interoperable, while the multiverse has limited integration

The metaverse is interoperable by definition, allowing users to teleport in and out of spaces, carry objects around, use the same credentials, port their NFTs, and so on.

The level of interoperability in the multiverse is yet to be proven and will depend on the level of variance, as discussed.

But given that we haven’t discovered the existence of a multiverse as yet, it is safe to say that integration and interoperability is likely to be limited.

Which One Will Come Top?

The difference between metaverse and multiverse is quite clear from the highlights of comparison between them. If you look closely, the metaverse is a conceptual idea paving the path for a future where we can have a completely connected virtual world. On the other hand, multiverse presents the prospects for existence of multiple digital ecosystems. 

However, metaverse comes on top of the multiverse in metaverse vs multiverse comparisons for the unified user experience it offers. Will the multiverse fail as the metaverse expands further? The answer to the question points towards the fact that the metaverse is still developing. On the contrary, the multiverse already has many functional virtual worlds which address real-world tasks. 

For example, the multiverse offers virtual work environments, social environments, and gaming environments. So, it might be too soon to draw conclusions regarding the better choice between multiverse and the metaverse. Learn more about the metaverse and how it is shaping up into a whole new digital reality. 

Thank you for reading!

#blockchain #metaverse #multiverse

PWA vs Native App: Which Is Better Option In 2021?

Every year, the world is expanding with the launch of new smartphones and other gadgets available in the market. According to Statista, more than 50% of the population will be using smartphones by the end of 2021.

Hence, businesses worldwide have understood the importance of smartphones and are joining the mobile industry by launching native apps.

Apart from native apps, progressive web apps is another technology that is gaining a lot of attention among businesses. Moreover, various leading companies worldwide have openly accepted PWA and built progressive web apps.

Now, the question arises, how is PWA different from the native apps? Read More

#pwa vs native #pwa vs native app #progressive web app vs native #progressive web app vs native app #pwa vs native app performance

CockroachDB vs (MySQL, PostgreSQL, MongoDB & Cassandra)

An introduction to CockroachDB

If you are an entrepreneur or an enterprise IT leader, then you need to plan the technology stack for your software development project. You need to choose the right database for your project. If you are developing a heavy-duty transaction processing system or a high-demand analytics system, you will likely use an RDBMS (Relational Database Management System). You can choose one from several popular RDBMSs.

However, do you want an assurance that your data in an RDBMS will survive even large-scale failures in application systems and servers? This narrows the choice. This is where CockroachDB becomes important. This relatively new RDBMS offers a high degree of survivability to your data. In this article, we review CockroachDB and its features. We assess its pros and cons. Subsequently, we review its use cases. Finally, we compare CockroachDB with some of the popular databases. Read on.

#cockroachdb vs cassandra #cockroachdb vs mongodb #cockroachdb vs mysql #cockroachdb vs postgres #mysql

Firebase Vs MongoDB Stitch Vs AWS Amplify Vs Azure Mobile Apps

Are you an entrepreneur or an IT manager undertaking a mobile app development? You would probably like to focus more on the front-end. That’s natural since the front-end of the app influences the user experience. Having said that, you can’t cut corners as far as the mobile backend is considered. Building and maintaining a mobile backend takes time and effort. It involves complexities. This is where a “Mobile Backend-as-a-Service” (MBaaS) platform can help. There are several MBaaS platforms though, and you might find it hard to choose one. This comparison between Firebase vs MongoDB Stitch vs AWS amplify vs Azure Mobile Apps can help.

In this comparison, we briefly understand what MBaaS platforms are. We review their pros and cons. We review the above-mentioned MBaaS platforms and compare them. Finally, we analyze when to use any one of these MBaaS platforms.

An introduction to MBaaS

Why should you explore “Mobile Backend-as-a-Service” (MBaaS) platforms and what are they? What advantages do they offer? Would you face any limitations in your mobile development project due to using an MBaaS? We now address these questions, which will set the context.

A brief summary of various cloud computing models

Before delving into MBaaS, let’s briefly recap the various “as-a-service” models that cloud computing has spawned. We typically talk about 3 types of cloud computing models:

• Infrastructure-as-a-Service (IaaS): A managed cloud service provider (MCSP) provides the computing infrastructure only on the cloud. The organization or developer consuming it brings everything else. Amazon EC2 (Elastic Compute Cloud) is an example of IaaS.
• Platform-as-a-Service (PaaS): The MCSP provides the cloud infrastructure, operating system, middleware, runtime environment, and services like databases. The consumer brings the application and data. AWS Elastic Beanstalk is a PaaS.
• Software-as-a-Service (SaaS): A software provider offers the entire software on the cloud. Consumers buy a subscription to use the software, and they don’t need to install anything. Gmail is an example of SaaS.

An MBaaS platform is closer to a PaaS platform, and we will see how.

#amplify vs firebase #firebase vs amplify #firebase vs aws